ครุฑในทางพุทธศาสนาจัดเป็นเทวดาชั้นล่างประเภทหนึ่ง ภายใต้การปกครองของ ท้าววิรุฬหก ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศใต้ เหตุที่มาเกิดเป็นครุฑเพราะทำบุญเจือด้วยโมหะ
ครุฑมีกำเนิดทั้ง 4 แบบ คือ
โอปปาติกะ (เกิดแบบผุดขึ้น)
ชลาพุชะ (เกิดในครรภ์)
อัณฑชะ (เกิดในไข่)
และสังเสทชะ (เกิดในเถ้าไคล)
มีที่อยู่ตั้งแต่พื้นมนุษย์ ป่าหิมพานต์ ป่าไม้งิ้วรอบเขาพระสุเมรุ จนถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
ครุฑชั้นสูงจะมีกำเนิดแบบโอปปาติกะ มีขนสีทอง มีเครื่องประดับแบบเทพบุตรเทพธิดา มีชีวิตอยู่เหมือนเทวดา แปลงกายได้ และบริโภคอาหารทิพย์เช่นเดียวกันเทวดา แต่ครุฑบางประเภทก็กินผลไม้หรือเนื้อสัตว์ และเนื่องจากเป็นเทวดาที่มีเศษกรรมทำให้อุบัติเป็นกึ่งเดรัจฉาน บางประเภทจับนาคกินเป็นอาหารไปตามสัญชาติญาณความเป็นเดรัจฉานของตนเอง
ในตำนานเมืองฟ้าป่าหิมพานต์นั้นมีเรื่องราวของสัตว์ที่มีอิทธิฤทธิ์มากมายหลายชนิดเช่น ราชสีห์ คชสีห์ อันมีลำตัวเป็นสิงห์แต่มีศีรษะเป็นช้าง กินรี กินนรและสัตว์แปลก ๆ อีกมากมาย ในบรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้นมีสองอย่างที่นับว่าเป็นเทพเดรัจฉานมีฤทธิ์มากคือ หนึ่งเป็นพญานาคราชจ้าวแห่งบาดาล และอีกหนึ่งคือพญาครุฑจ้าวแห่งเวหา
พญานาคนั้นมีวิมานอันเป็นทิพย์อยู่ในบาดาล ส่วนครุฑก็มีวิมานทิพย์อยู่ที่เชิงเขาไกรลาส กล่าวว่าองค์พญาครุฑนั้นมีนามว่า ท้าวเวนไตย เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ท้าวสุบรรณ มีกายเป็นรัศมีสีทองมีเดชอำนาจมากที่สุดในหมู่ครุฑทั้งหลายอาศัยเกาะอยู่ตามต้นงิ้ว อาศัยผลงิ้วและน้ำดอกไม้จากต้นงิ้วเป็นอาหารทิพย์ ลูกพญาครุฑจะโตขึ้นนับเวลาอายุเป็นข้างขึ้นข้างแรมตามจันทรคติ เติบโตด้วยบุญกุศลที่เคยทำมา หากลูกครุฑตนใดที่มีบุญญาธิการมามาก อำนาจบุญจะบันดาลให้เกิดผลงิ้วทิพย์และน้ำหวานจากดอกไม้มาบำเรอลูกครุฑตนนั้น ๆ และลูกครุฑตนดังกล่าวจะจำเริญวัยได้อย่างรวดเร็ว
ครุฑเป็นสัตว์กึ่งโอปปาติกะ หรือกึ่งพวกกายทิพย์คล้ายชาวลับแลและพวกพญานาคอยู่อีกมิติหนึ่งจากโลกของเรา ผู้ที่จะสามารถพบเห็นครุฑได้ต้องเคยมีบุญร่วมกับพวกเขามาจึงสามารถรับรู้ถึงกันและกันได้ เหมือนกับผู้ที่สามารถติดต่อกับพญานาคได้ก็เช่นกันล้วนต้องเป็นผู้ที่มีวาสนาต่อกันมาตั้งแต่อดีตทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องสาธารณะที่จะรู้กันได้ทั่วไปเช่นเรืองสามัญ
ในหมู่ครูบาอาจารย์โบราณว่าพญาครุฑ เป็นเทพเดรัจฉานที่มีอานุภาพอิทธิฤทธิ์เทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าอย่างพระนารายณ์ อานุภาพของครุฑจึงเป็นที่อัศจรรย์ของทั่วโลกธาตุ นอกจากนี้ยังมีประวัติอีกว่ารพระอินทร์เองก็เคยลองฤทธิ์กับพญาครุฑใช้วัชระฟาดพญาครุฑ แต่องค์พญาครุฑเป็นกายสิทธิ์หาได้เป็นอันตรายแต่อย่างใดไม่ พระอินทร์พยายามอยู่หลายทางก็ไม่สามารถทำอันตรายแก่องค์ครุฑได้ จนพระอินทร์มีความเคารพในอานุภาพของพญาครุฑว่ามีฤทธิ์เดชเทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าจริงในที่สุดพญาครุฑจึงได้สลัดขนตนเองออกามาหนึ่งเส้นให้แก่พระอินทร์เพื่อเป็นเกียรติแก่พระอินทร์ด้วยเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าตามตำนานที่กล่าวมาพญาครุฑเป็นเทพเดรัจฉานที่มีฤทธิ์ที่ไม่ธรรมดา ๆ เลยมีอานภาพมาก ด้วยเหตุนี้ครูบาอาจารย์ที่รู้จักศาสตร์ของครุฑเป็นอย่างดีจึงนำเอาสัญลักษณ์เกี่ยวกับครุฑ รูปครุฑต่าง ๆ มาทำสมาธิบูชาเพื่อให้เกิดอิทธิพลังงานอันลี้ลับ ทั้งนี้เพื่อการปกป้องคุ้มครองบ้าง เพื่อความเจริญรุ่งเรืองบ้าง ดังที่
เราจะได้เล่าให้ท่านทราบต่อไป


– บทสนทนาระหว่าง
ดร.รอบทิศ ไวยสุศรี ถาม หลวงตาม้า วิริยธโร(ขออนุญาติโพสเพื่อการเผยแพร่)
ผม – หลวงตาครับ ตกลงครุฑเค้าไม่ตีกับนาคใช่ไหมครับ
หลวงตา – เค้าจะตีกันทำไม พวกที่ตีกันนั่นมันพวก งู พวก นก ที่เป็นบริวารของพวกนาคพวกครุฑเขา นาค ครุฑ เค้าเป็นเทวดา เค้าไม่ตีกันหรอก นาค ครุฑ บางองค์ก็เป็นโพธิสัตว์ใหญ่เลยนะ จะตีกันทำไม
ผม – แล้วทำไมช่วงหลังๆมานี้ หลวงตาชอบสร้างครุฑครับ
หลวงตา – เอ้า ครุฑเค้าเป็น “พระกาล” นะ
ผม – “พระกาล” คืออะไรครับ
หลวงตา – “พระกาล” ก็เป็นเทวดาที่ดูแลกาลเวลา ดูแลโลกทั้งหมดนี้ล่ะ ยุคนี้ ครุฑ เค้ารับหน้าที่นะ หัวหน้าครุฑที่ทำหน้าที่นี้ โพธิสัตว์ใหญ่เลยนะ บารมีเยอะมาก
ผม- แสดงว่า “พระกาล” ก็คล้ายๆ พระอินทร์ ท้าวจตุโลกบาล พระสยามเทวาธิราช ฯลฯ ที่เป็นหน้าที่ ที่มีเทวดาเวียนเปลี่ยนกันมารับหน้าที่ไปเรื่อยๆตามยุคสมัย
หลวงตา – ใช่ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ยุคนี้เป็นครุฑ ครุฑ เค้าทำหน้าที่ดูแล “จักรแก้ว” นะ จักรแก้วของจักรพรรดิ ครุฑเค้าดูแลอยู่
ผม – อ้าว เหรอครับ ผมนึกว่า สมบัติจักรพรรดินี่ จะเป็นพญานาคดูแลเป็นหลักหลวงตา – ไม่นะ พวกพญานาค เค้าดูแล แก้วจักรพรรดิ ส่วนครุฑ เค้าดูแล จักรแก้ว ส่วนสมบัติอย่างอื่น ก็มีเทวดาแต่ละพวกแบ่งงานกันดูแลไป
หลวงตา – ใช่ มีครุฑ ก็มีจักร อธิษฐานใช้ได้เลยนะ หลวงตาชอบจักรมาก มันใช้งานได้เร็วดี ครุฑเค้าก็เร็ว จักรเค้าก็เร็ว อธิษฐานขออะไรเร็วๆได้หมด หรือจะอธิษฐานให้มีจักรหมุนอยู่รอบตัวไว้ป้องกันตัวก็ได้ อธิษฐานจักรไปไล่สิ่งไม่ดีก็ได้ อธิษฐานจักรไปแผ่บุญก็ได้ ใช้ได้หมด
ผม- โห ใช้ได้สารพัดประโยชน์เลย ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าเครื่องรางที่มีรูลักษณ์ครุฑ จะใช้อธิษฐานได้หลายรูปแบบขนาดนี้หลวงตา – ยุคนี้ต้องครุฑนะ เค้าดูแลกาลเวลา แล้วลองดูเดี๋ยวนี้สิ รูปพญานาค เราก็เจอแต่ในวัด รูปยักษ์ รูปเทวดา เราก็เจอแต่ในวัด แต่รูปครุฑนี่ เราเจอทั่วประเทศเลยนะ ทั้งในวัด ในเครื่องราง ในหลักกิโลเมตร ในหนังสือราชการ ในเหรียญบาท รูปลักษณ์เค้ากระจายทั่วไปหมด เลยอธิษฐานใช้ได้ง่ายและครอบคลุมมากที่สุดในยุคนี้เลย
ผม – อ้อ จริงด้วยครับ มีรูปครุฑไปทุกที่ในไทยเลย แล้วตัวครุฑจริงๆเค้าอยู่ที่ไหนกันครับ เห็นหลวงตาเคยเล่าว่าแถวเชียงดาวก็มีอยู่
หลวงตา – มีสิ ก็บนยอดดอยหลวงเชียงดาวไง นั่นล่ะ เป็นเมืองใหญ่ของครุฑเค้าเลยนะ เป็นเมืองซ้อนมิติกันอยู่ ใครตาดีก็เห็นเองล่ะผม – แล้วพวกยักษ์ล่ะครับ
หลวงตา – ก็อยู่แถวตีนเขานั่นล่ะ มีเมืองยักษ์ด้วย
ผม – โอ้โห แสดงว่าแถบเชียงดาวนี่ศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะครับ มีทั้งครุฑ ทั้งยักษ์ แล้วที่วัดเอง ก็มีเมืองนาคข้างล่างด้วย แสดงว่าเค้ามาอยู่แถวนี้เพื่อคอยดูแลของสำคัญใช่ไหมครับ
หลวงตา – ฮ่ะๆ ใช่ ใต้ถ้ำเมืองนะนั่นไง เราก็รู้นี่ว่ามีอะไรผม- ครับ แล้วแสดงว่าแถบนี้ต่อไปในอนาคตจะเจริญทางธรรมด้วยใช่ไหมครับ
หลวงตา – เอ้อ แถบนี้ ขึ้นไปถึง เชียงตุง สิบสองปันนา ต่อไปมันเป็นที่ของพระศรีฯเค้านะ ในอนาคตท่านจะลงมาแถบนี้
ผม – สาธุครับ หลวงตา
เปิดให้บูชาประคำเหรียญพระกาล หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ เมตตาอธิษฐานจิต
บูชาองค์ละ 1,000 บาท
ค่าจัดส่ง 50 บาท
วิธีบูชา ใช้ประกอบการสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ
โอนปัจจัยได้ที่
😾ร่วมบุญได้ตามกำลังศรัทธาที่😾
หมายเลขบัญชี 061-1-82750-4
กสิกรไทย สาขา ตาคลี
ชื่อบัญชี “มูลนิธิสถานอมตะธรรมพุทธพรหมปัญโญ”
แจ้งหลักฐานการโอนปัจจัยและชื่อที่อยู่คลิกที่นี่

ร่วมสร้างพญาครุฑองค์ใหญ่ถวายหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ สลักชื่อเจ้าภาพบริเวณบันไดทางขึ้นพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ดู่-หลวงตาม้า

ร่วมแชร์ เป็นธรรมทานและสะพานบุญ
Like this:
Like Loading...